โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ด้วย “นานะ” ในรังนกแท้

ใครๆ ก็ไม่อยากป่วย แต่บางครั้งเราก็อาจต้องเจอกับสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ จนทำให้ภูมิคุ้มกันตก ไม่ว่าจะเป็นงานหนักจนเครียด พักผ่อนน้อย อากาศเปลี่ยนแปลง เจอมลภาวะ  ฝุ่น PM2.5 หรืออื่นๆ สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ คือการดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งนี้ การมีสุขอนามัยในชีวิตประจำวันที่ดี เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารมีประโยชน์ นอนหลับเพียงพอ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทำความรู้จัก “นานะ” คุณประโยชน์ดีๆ ที่มีในรังนกแท้ เมื่อพูดถึงอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า “รังนกแท้” เป็นหนึ่งในอาหารที่น่าสนใจ นั่นเพราะรังนกมีสารสำคัญอย่าง “นานะ” ที่มีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ร่างกาย “นานะ” (NANA) มีชื่อเต็มว่า N-Acetylneuraminic Acid เป็นกรดไซอะลิค (Sialic Acid) ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ พบได้ในส่วนหนึ่งของน้ำนมแม่และเนื้อเยื่อประสาท1 โดย นานะ จัดเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน เช่น มีส่วนช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด6,7 เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน2 ต้านไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ร่างกาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่3,5 ทั้งนี้  นานะ มี คุณสมบัติต้านการยึดเกาะ […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลโภชนาการ

Healthy food มีอะไรบ้าง และกินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

Healthy food หรือเฮลตีฟูด หมายถึง อาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงและห่างไกลโรค การเรียนรู้ว่า Healthy food มีอะไรบ้าง ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรให้สำคัญ เพราะจะช่วยให้สามารถเลือกกินอาหารได้อย่างถูกต้องและดีต่อสุขภาพจริง ๆ โดยทั่วไป Healthy food ควรเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ผักและผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา ซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยควรเลือกกินอาหารที่สด สะอาด และปนเปื้อนน้อยที่สุด ทั้งนี้ ควรกิน Healthy food ร่วมกับการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง (Active lifestyle) เคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ร่างกายได้ออกกำลังกายและเผาผลาญพลังงานส่วนเกินอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคให้ได้มากที่สุด [embed-health-tool-bmi] Healthy eating คือ อะไร Healthy eating คือ รูปแบบการกินอาหารเพื่อสุขภาพ หรือที่เรียกว่า Healthy food หรือเฮลตีฟูด โดยเน้นการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง คือ มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ก่อนฉีดวัคซีนห้ามกินอะไร และข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีน เป็นวิธีที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค ช่วยลดความรุนแรงของโรค และช่วยลดการแพร่กระจายของโรค เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออก ทั้งนี้ การทราบข้อควรปฎิบัติในการเข้ารับการฉีดวัคซีน เช่น ก่อนฉีดวัคซีนห้ามกินอะไร อาจช่วยให้สามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้วัคซีนสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทั่วไป คนที่จะไปฉีดวัคซีนสามารถกินอาหารได้ตามปกติ ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะอาจลดประสิทธิภาพของวัคซีน และควรดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วยก่อนวันฉีดวัคซีน พักผ่อนอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและพร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีนที่สุด และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนได้ด้วย [embed-health-tool-bmi] ก่อนฉีดวัคซีนห้ามกินอะไร โดยทั่วไปแล้ว ก่อนไปฉีดวัคซีนสามารถกินอาหารได้ตามปกติ ไม่ต้องงดอาหารชนิดใดเป็นพิเศษ และไม่ควรอดอาหารด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะไปฉีดวัคซีนควรจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ บรั่นดี โซจู สาเก ทั้งก่อนและหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และหากเป็นไปได้ ควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟดำ ลาเต้ คาปูชิโน่ ชาเขียว ชาเย็น เพราะคาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ หากบริโภคมากไปอาจทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อยจนมีน้ำน้อยเกินไป อาหารที่ควรกินก่อนไปฉีดวัคซีน ผู้ที่จะไปฉีดวัคซีนสามารถกินอาหารได้ตามปกติ โดยอาจเน้นอาหารต้านการอักเสบ (Anti-Inflammatory Diet) ซึ่งเป็นอาหารตามธรรมชาติที่ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการอักเสบในร่างกาย […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

ควรชั่งน้ำหนักตอนไหน และวิธีควบคุมน้ำหนัก

ผู้ที่ต้องการลดและควบคุมน้ำหนักหลายคนอาจสงสัยว่า ควรชั่งน้ำหนักตอนไหน เพื่อให้ได้ค่าตัวเลขที่แม่นยำที่สุด โดยทั่วไปแล้ว ควรชั่งน้ำหนักในตอนเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างและร่างกายยังไม่ได้รับอาหาร จึงอาจแสดงค่าของน้ำหนักตัวที่แม่นยำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรหมกมุ่นกับการชั่งน้ำหนักมากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายได้ [embed-health-tool-bmi] ควรชั่งน้ำหนักตอนไหน สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชั่งน้ำหนัก คือ ตอนเช้า เนื่องจากเป็นช่วงที่ท้องว่างและร่างกายยังไม่ได้รับอาหาร น้ำหนักจึงอาจมีความคงที่มากที่สุด นอกจากนี้ หากชั่งน้ำหนักในช่วงเวลาอื่น ๆ น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป และเพื่อให้สามารถอ่านค่าความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ คำแนะนำต่อไปอาจช่วยได้ ควรชั่งน้ำหนักในช่วงเช้าและควรเป็นเวลาเดิมในทุก ๆ วัน หรือหากชั่งน้ำหนักเป็นรายสัปดาห์ควรชั่งในวันและเวลาเดิมด้วย ควรเข้าห้องน้ำก่อนชั่งน้ำหนัก ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้น้อยที่สุดหรือสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เพื่อให้น้ำหนักไม่คลาดเคลื่อนมากนัก ควรวางเครื่องชั่งน้ำหนักในพื้นผิวที่แข็งและเรียบ ยื่นเท้าเปล่านิ่ง ๆ บนตาชั่ง โดยทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าทั้ง 2 ข้างให้เท่ากัน ควรชั่งน้ำหนักบ่อยแค่ไหน การชั่งน้ำหนักน้ำหนักบ่อยครั้งอาจมีข้อดีในการช่วยให้สามารถติดตามความเป็นไปของน้ำหนัก จึงอาจช่วยให้สามารถควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้ในระยะยาว และอาจช่วยให้การลดน้ำหนักประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การหมกมุ่นกับการชั่งน้ำหนักมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายได้เช่นกัน โดยอาจทำให้บางคนมีความรู้สึกไม่พอใจเมื่อน้ำหนักไม่เป็นไปตามที่ต้องการ จนเกิดความวิตกกังวลจนนำไปสู่การสร้างนิสัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การข้ามมื้ออาหาร การอดอาหาร การรับประทานอาหารน้อยเกินไป การออกกำลังกายมากเกินไป ดังนั้น จึงอาจจำเป็นต้องจัดระเบียบในการชั่งน้ำหนักให้เหมาะสม ดังนี้ การชั่งน้ำหนักทุกวัน อาจช่วยให้สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักได้ตลอดทั้งวัน และอาจช่วยให้สามารถจัดระเบียบการดูแลตัวเองเพื่อควบคุมน้ำหนักได้ นอกจากนี้ อาจทำให้รู้สึกมีแรงผลักดันมากขึ้นในการจัดการและควบคุมน้ำหนักเป็นประจำทุกวัน การชั่งน้ำหนักรายสัปดาห์ อาจช่วยไม่ให้เกิดความหมกมุ่นกับน้ำหนักตัวมากเกินไป และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก รวมทั้งไขมันในร่างกายให้เป็นไปอย่างสมดุล […]


โภชนาการพิเศษ

วิตามิน เจริญอาหาร มีประโยชน์อย่างไร และวิธีกระตุ้นความอยากอาหาร

วิตามิน เจริญอาหาร เป็นวิตามินรูปแบบหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยให้รู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น โดยวิตามินเจริญอาหารมักใช้กับผู้ที่มีภาวะเบื่ออาหาร รับประทานอาหารน้อยหรือปฏิเสธการรับประทานอาหาร ซึ่งอาจช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว [embed-health-tool-bmi] ภาวะเบื่ออาหาร เกิดจากอะไร ภาวะเบื่ออาหารอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะสุขภาพ โรคเรื้อรัง ช่วงอายุ ความแก่ชรา ภาวะซึมเศร้า การตั้งครรภ์ไตรมาสแรก อาการคลื่นไส้อาเจียน การใช้ยาบางชนิด ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ภาวะสมองเสื่อม ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร ที่อาจส่งผลให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีภาวะเบื่ออาหารเกิดขึ้น ซึ่งหากปล่อยไว้อาจส่งผลเสียต่อน้ำหนักตัว มวลกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย รวมทั้งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ วิตามิน เจริญอาหาร มีประโยชน์อย่างไร วิตามินเจริญอาหาร เป็นวิตามินที่อาจมาในรูปแบบยาที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยให้สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีภาวะเบื่ออาหารและปฏิเสธการรับประทานอาหาร จนส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ และอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว วิตามินเจริญอาหาร มีอะไรบ้าง ก่อนรับประทานวิตามินเจริญอาหาร ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุของอาการเบื่ออาหารก่อนเสมอ เพื่อจะได้รักษาตั้งแต่ต้นเหตุควบคู่ไปกับการรับประทานวิตามินเจริญอาหาร ดังนี้ สังกะสี มีบทบาทสำคัญในการเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การสังเคราะห์โปรตีนและดีเอ็นเอ การรักษาบาดแผล การส่งสัญญาณและการแบ่งเซลล์ ซึ่งการขาดสังกะสีอาจทำให้มีอาการเบื่ออาหาร ระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่ดี การรับรสชาติเปลี่ยนไป แผลหายช้า และผมร่วง ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารเสริมสังกะสีเพื่อช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้เป็นปกติ วิตามินบี 1 หรือไทอามีน (Thiamine) มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการ ซึ่งความรู้สึกเบื่ออาหารอาจเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายขาดวิตามินบี 1 นอกจากนี้ […]


ข้อมูลโภชนาการ

ลูกหม่อน ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

ลูกหม่อน หรือบางครั้งเรียกแบบทับศัพท์ว่า มัลเบอร์รี่ (Mulberry) เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นผลเล็ก ๆ เป็นพวง มีสีแดงหรือม่วงแดง แต่เมื่อแก่จัดจะเป็นสีม่วงดำหรือดำ ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานสดและนำมาแปรรูปเป็นขนม แยม และน้ำผลไม้ โดยลูกหม่อนมีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินซี เบตาแคโรทีน (Beta Carotene) ที่อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล บำรุงสมอง และป้องกันโรคมะเร็งได้ [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของ ลูกหม่อน ลูกหม่อน 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 43 กิโลแคลอรี่ และประกอบไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม โปรตีน 1.44 กรัม ไขมัน 0.39 กรัม โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม แคลเซียม 39 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 38 มิลลิกรัม […]


โภชนาการพิเศษ

กรวยไตอักเสบ ห้ามกินอะไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร

กรวยไตอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ผู้ป่วยเป็นไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หนาวสั่น เจ็บขณะถ่ายปัสสาวะ นอกจากจะรักษาด้วยการกินยาปฏิชีวนะและปรับพฤติกรรมตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัดแล้ว การเลือกอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ผู้ป่วยควรทราบว่า กรวยไตอักเสบ ห้ามกินอะไร เพื่อไม่ให้อาการแย่ลง โดยทั่วไป ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบห้ามกินอาหารที่มีสารอาหารบางชนิดในปริมาณมาก เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม เพราะร่างกายไม่สามารถขับสารอาหารเหล่านั้นออกไปได้ตามปกติ จึงอาจส่งผลให้อาการแย่ลงได้ [embed-health-tool-bmi] สาเหตุกรวยไตอักเสบ กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) คือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกรวยไต มักเกิดจากแบคทีเรียเอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli.) หรือที่เรียกว่าเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) โดยเชื้อจะเดินทางเข้าสู่กรวยไตและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ 2 ลักษณะ คือ การติดเชื้อที่ลุกลามจากระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างขึ้นมาถึงกรวยไต และการติดเชื้อทางกระแสเลือด แต่ส่วนใหญ่แล้วกรวยไตอักเสบมักเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะมากกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น กลั้นปัสสาวะบ่อย ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดูแลรักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศได้ไม่ดี ในขณะที่การติดเชื้อทางกระแสเลือดพบได้น้อยกว่า และมักเกิดกับผู้ที่มีท่อไตอุดตันจากการผ่าตัดหรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องและอ่อนแอ ภาวะสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกรวยไตอักเสบ อาจมีดังนี้ เป็นนิ่วในไต สอดสายสวนปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต เป็นโรคปัสสาวะไหลย้อนกลับ (Vesicoureteral reflux หรือ VUR) กำลังตั้งครรภ์ […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

ลดพุงล่าง ป้องกันโรคอ้วนลงพุง ทำได้อย่างไรบ้าง

สำหรับผู้ที่มีพุงล่าง หรือพุงหมาน้อย อาจเกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหาร ทำให้มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ที่อาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น พุงล่างป่อง และรู้สึกไม่มั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่เสื้อผ้ารัดรูป ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการ ลดพุงล่าง ซึ่งอาจทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย หรือปรึกษาคุณหมอเพื่อหาวิธีในการช่วยลดพุงล่างอย่างมีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-bmr] พุงล่าง  เกิดจากอะไร พุงล่าง อาจเกิดจากกระบวนการเผาผลาญอาหารทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายสะสมแคลอรี่ส่วนเกินจากอาหาร เก็บไว้ในรูปแบบไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องและรอบเอว โดยอาจสังเกตได้ลักษณะรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป ดูคล้ายกับลูกแพร์หรือแอปเปิ้ล มีค่าดชนีมวลกาย 25 ขึ้นไป รอบเอว 35-40 ขึ้นไป รู้สึกเหนื่อยล้าง่ายเมื่อเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ หากไม่รีบลดพุงล่าง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดพุงล่าง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต และไขมันสูงในปริมาณมาก เช่น พาสต้า ข้าวขาว ขนมปังขาว ของทอด อาหารแปรรูป ขนมหวาน เค้ก คุกกี้ โดนัท รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์ […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

เทคนิคการ ลดน้ําหนัก 1 เดือน ทำได้อย่างไร

ปัญหาน้ำหนักเกินเกณฑ์อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรมของคนในครอบครัว ขาดการออกกำลังกาย ความเครียด พฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่ดีที่เน้นแต่การรับประทานอาหารไขมัน น้ำตาลและแป้งสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักอย่างไม่ถูกต้องก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนั้น หากต้องการ ลดน้ำหนัก 1 เดือน จึงควรศึกษาเทคนิคการลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอโดยตรง [embed-health-tool-bmi] อันตรายต่อสุขภาพจากน้ำหนักเกินเกณฑ์ น้ำหนักเกินเกณฑ์ สังเกตได้จากการมีค่าดัชนีมวลกาย 25-30 ขึ้นไป ไขมันรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ว มีพุง มีเหนียง และตัวใหญ่ ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่โรคอ้วน อีกทั้งยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพได้ ดังนี้ โรคหัวใจและหลอดเลือด เกิดจากหลอดเลือดตีบหรืออุดตันเนื่องจากไขมันสะสมซึ่งขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด อาการหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง โดยอาจสังเกตได้จากอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น เจ็บหน้าอก มีปัญหาด้านความจำและไม่มีสมาธิ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากการสะสมของไขมันและคอเลสเตอรอลอาจทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินในการจัดการกับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นและก่อให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคข้อเข่าเสื่อม น้ำหนักที่มากเกินไปอาจทำให้ข้อต่อบริเวณเข่าต้องรองรับน้ำหนักตัวมาก จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อข้อเข่าเสื่อม ข้อต่ออักเสบ โดยอาจสังเกตได้จากอาการปวดบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะขณะเคลื่อนไหวและข้อต่อบวม ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การมีน้ำหนักตัวมากและไขมันสะสมอาจส่งผลกระทบต่อการหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจแคบกว่าปกติ และส่งผลให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยสังเกตได้จากอาการนอนกรนอย่างหนัก หายใจลำบากและหายใจไม่เต็มปอด อาการโควิด-19 ระดับรุนแรง โรคอ้วนอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และส่งผลให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อไวรัสน้อยลง […]


โภชนาการพิเศษ

ความดันสูงห้ามกินอะไร และควรกินอะไรเพื่อควบคุมความดันโลหิต

ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จำเป็นต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร หากทราบว่า ความดันสูงห้ามกินอะไร อาจช่วยให้สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดีขึ้น โดยทั่วไป คนความดันสูงควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารแปรรูป น้ำตาล ไขมันทรานส์ เครื่องปรุงรส และควรเลือกกินอาหารที่เหมาะสม เน้นอาหารจากธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลาที่มีไขมันดี ผักและผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี นมไขมันต่ำ เพราะมีสารอาหารหลากหลาย จึงอาจช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้ [embed-health-tool-bmi] ความดันสูงเกิดจากอะไร ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) หรือที่นิยมเรียกว่า ความดันสูง เป็นภาวะที่ร่างกายมีความดันโลหิต 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ยังไม่แน่ชัด แต่พันธุกรรม พฤติกรรมการกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม เปรี้ยวจัด ภาวะสุขภาพ เช่น น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ โรคอ้วน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ได้ เมื่อแรงดันของเลือดในหลอดเลือดที่กระทบกับผนังหลอดเลือดสูงเกินไป จะส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปยังเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา หรือไม่ปรับระดับความดันโลหิตให้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ อาจทำให้หลอดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ เสียหาย และหากมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ภาวะหัวใจวาย ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง […]


โภชนาการพิเศษ

ผลไม้ ผู้ป่วยเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผลไม้เป็นประจำเพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ก็ควรเลือกผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงเร็วเกินไป ส่วน ผลไม้ ผู้ป่วยเบาหวาน ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เช่น แตงโม สับปะรด เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดพุ่งสูงเร็วเกินไป จนทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น การรับประทานผลไม้ให้ถูกชนิดอาจช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ [embed-health-tool-bmi] ค่าดัชนีน้ำตาลในอาหาร คืออะไร ค่าดัชนีน้ำตาล หรือ Glycaemic index (GI) คือดัชนีที่ใช้วัดระดับคาร์โบไฮเดรตในอาหาร มีค่าตั้งแต่ 0-100 แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ (ไม่เกิน 55) ระดับปานกลาง (56-69) และระดับสูง (70 ขึ้นไป) ซึ่งจะแสดงถึงความเร็วในการเปลี่ยนอาหารที่รับประทานไปเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดว่าใช้เวลาช้าหรือเร็วเท่าไหร่ โดยทั่วไป อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดได้เร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ในขณะที่อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดได้ช้าและคงที่กว่า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อย ๆ เพิ่มขึ้นแบบไม่แปรปรวน อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่จำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงอีกประการหนึ่งคือ ปริมาณการรับประทาน เนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำในปริมาณมากก็สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานได้ไม่ต่างกับการรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงในปริมาณเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการจัดสัดส่วนของปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 15 กรัม ต่อการรับประทาน 1 ครั้ง หรือ 1 ส่วน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน