โรคทางเดินหายใจ

ระบบทางเดินหายใจ มีส่วนสำคัญในการทำงานตามปกติของร่างกาย ดังนั้น คุณจึงควรเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพของระบบทางเดินหายใจของคุณให้แข็งแรง ห่างไกลจากความเจ็บป่วย เรียนรู้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมถึง โรคทางเดินหายใจ ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคทางเดินหายใจ

น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด ทำอย่างไรจึงจะหาย

น้ำมูกไหลเป็นน้ำใส ๆ ไม่หยุด เป็นอาการที่ร่างกายมีของเหลวเป็นน้ำใส ๆ ไหลออกมาทางจมูกตลอดเวลา เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ ไข้หวัด รักษาให้หายได้โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือบางรายอาจต้องรับประทานยาเพื่อรักษาอาการ หาก น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด เป็นระยะเวลานาน อาจเป็นสัญญาณเตือนภาวะสุขภาพที่ต้องระวัง เช่น โรคริดสีดวงจมูก โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษา [embed-health-tool-bmi] น้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุด เกิดจากอะไร อาการน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ ไม่หยุดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ สาเหตุจากโรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกไหลเป็นน้ำใส ๆ ไม่หยุด นอกจากนี้ ยังอาจก่อให้เกิดอาการร่วมอื่น ๆ เช่น จาม ไอเรื้อรัง คันและระคายเคืองบริเวณตาหรือคอ สาเหตุจากโรคอื่น ๆ ยกตัวอย่าง เช่น โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนทำให้มีอาการปวด คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจติดขัด มีเสมหะข้นเหนียว ปวดใบหน้าบริเวณหน้าผาก หัวตา หู […]

สำรวจ โรคทางเดินหายใจ

โรคปอดบวม

ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Pneumonia)

ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส หรือที่เรียกว่าปอดบวมจากเชื้อไวรัส เป็นโรคปอดติดเชื้อชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านการจาม และการไอ เมื่อสูดดมนำเชื้อที่ลอยฟุ้งตามอากาศเข้าไปในทางเดินหายใจ หรือนำมือไปสัมผัสกับสิ่งของรอบตัวจนมาสัมผัสกับใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณปาก และจมูก คำจำกัดความปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส คืออะไร ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส คือ โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสหลายชนิดที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แต่อาจจะมีความรุนแรง หรือเผยอาการให้เห็นชัดขึ้น เมื่อเชื้อไวรัสเดินทางลงสู่ปอด จนปอด และถุงลมเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เช่นเดียวกับโรคปอดอักเสบจากแบคทีเรีย ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ คือ เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ 65 ปี หรือผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ อาการอาการของ ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส ระยะแรกอาการของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสมักมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปอาจส่งผลให้เผยอาการที่ต่างออกไปจากไข้หวัด ดังนี้ อุณหภูมิของร่างกายสูง ไข้ขึ้น รู้สึกหนาวสั่น ปวดศีรษะ หายใจถี่ มีอาการเจ็บหน้าอกขณะหายใจ หรือไอ ไอแห้ง และมีแนวโน้มไอแบบมีเสมหะในเวลาถัดมา เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ความรู้สึกอยากอาหารลดลง เบื่ออาหาร สาเหตุสาเหตุของ ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่สามารถนำไปสู่โรคปอดอักเสบ มีดังต่อไปนี้ ไวรัสสายพันธุ์เอ และไวรัสสายพันธุ์บี จากไข้หวัดใหญ่ พบได้บ่อยในช่วงวัยผู้ใหญ่ ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ที่พบได้มากในทารก และเด็ก ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เป็นไวรัสที่อาจทำให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบ และไข้หวัด ไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (varicella-zoster virus) ที่สามารถส่งผลให้เป็นโรคงูสวัดร่วมด้วย ปัจจุบันยังมีเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก และมีหลากหลายสายพันธุ์ที่สามารถสร้างความเสียหายให้ระบบทางเดินหายใจ จนเกิดการติดเชื้อนำไปสู่โรคปอดอักเสบได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงประกาศตั้งแต่วันที่ 11 […]


โรคหลอดลมอักเสบ

คุณรู้จัก โรคหลอดลมอักเสบ มากแค่ไหน? มาเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในบทความนี้

โรคหลอดลมอักเสบ เป็นอีกโรคหนึ่งที่สร้างปันหาร้ายแรงให้กับปอดและระบบทางเดินหายใจของคุณเป็นอย่างมาก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคหลอดลมอักเสบทั้ง 2 ชนิด เพื่อที่คุณจะได้มีแนวทางในการป้องกันโรคได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สาเหตุการเกิด โรคหลอดลมอักเสบโรคหลอดลมอักเสบ คือภาวะที่ส่งผลต่อปอดและทางเดินหายใจ เป็นการอักเสบของหลอดลมที่เป็นทางเดินหายใจหลักในปอด และในบางกรณีอาจเป็นโรคติดต่อได้ สาเหตุหลักที่อาจทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบอักเสบเรื้อรังหรือเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยดังต่อไปนี้ เกิดจากไวรัส โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหมายความว่าโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันสามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ และทำให้ปอดมีแนวโน้มในการติดเชื้อมากขึ้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมีร้ายแรง การสูดดมสารเคมีอาจทำให้เกิดการละคายเคืองที่ปอดและทางเดินหายใจ ควันบุหรี่ ทั้งผู้สูบเองและผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสอง การแพร่เชื้อผู้ที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันสามารถแพร่เชื้อได้ทันทีเมื่อมีอาการ ส่วนใหญ่ผู้คนมักแพร่เชื้อกันมากที่สุดในช่วงเริ่มต้นของอาการ ไวรัส หลอดลมอักเสบ สามารถติดต่อกันได้จากคนสู่คน ซึ่งสามารถแพร่เชื้อจากการไอหรือจาม ละอองเหล่านี้จะลอยขึ้นสู่อากาศและติดต่อสู่กันได้ทางจมูก ปาก หรือทางเดินหายใจ ประเภทของ โรคหลอดลมอักเสบอาการหลักของ โรคหลอดสมอักเสบ คือ อาการไอเรื้อรังและมีเสมหะจำนวนมาก เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง สามารถสังเกตได้ ดังนี้ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันเป็นการอักเสบระยะสั้นของปอดและทางเดินหายใจ มักมีอาการน้อยกว่า 3 สัปดาห์ พบมากในผู้สูงอายุ ทารก และเด็ก ซึ่งแนวโน้มการเกิดมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวหรือมีการติดเชื้อไวรัส อาการของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันมักมีอาการคล้ายหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ดังนี้ อาการไอ ปวดหัว รู้สึกเหนื่อยล้า อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease : COPD) หากมีอาการของโรคคงอยู่นานกว่า 3 สัปดาห์ […]


โรคถุงลมโป่งพอง

โรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 ระยะอันตราย ที่ผู้ป่วยควรระวัง

โรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 เป็นผลเชื่อมโยงมาจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ทำลายถุงลมในปอด ส่งผลให้คุณเริ่มมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก และไอเรื้อรัง เพื่อช่วยให้ทุกคนทราบข้อมูลเบื้องต้นของโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ ขออาสานำความรู้ของโรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 มาฝากกันค่ะ [embed-health-tool-heart-rate] โรคถุงลมโป่งพอง แบ่งออกเป็นกี่ระยะ คุณอาจต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การวัดระดับความรุนแรงของโรคถุงลมโป่งพองเป็นไปตามเกณฑ์ FEV1 ที่วัดปริมาตรของอากาศที่เป่าออกมา เมื่อผลลัพธ์ตัวเลขออกมาแล้วนั้น แพทย์จึงจะจำแนกได้ว่าคุณเป็นโรคถุงลมโป่งพองในระยะใด ดังนี้ ระยะที่ 1 คือ ระดับไม่รุนแรง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 80% ระยะที่ 2 คือ ระดับปานกลาง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 50-80% ระยะที่ 3 คือ ระดับรุนแรง ค่าวัด FEV1 ของคุณจะอยู่ที่ 30-50% ระยะที่ 4 คือ ระดับรุนแรงมาก ค่าวัด FEV1 ของคุณจะน้อยกว่า 30% อย่างไรก็ตาม ถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 เรียกได้ว่าเป็นระยะที่อันตราย […]


โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา

ปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา และ โรคฮิสโตพลาสโมซิส เกี่ยวข้องกันอย่างไร

มีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้คุณเป็น โรคฮิสโตพลาสโมซิส นั้นอาจมาจาก ปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา หากคุณอยากทราบว่า ปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา และ โรคฮิสโตพลาสโมซิส มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ที่ส่งผลในเชิงลบแก่สุขภาพปอด ติดตามในบทความของ Hello คุณหมอ กันได้เลย ความเชื่อมโยงของ ปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา และ โรคฮิสโตพลาสโมซิส โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ยีนที่ได้รับสืบทอดทางพันธุกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปกติแล้วยีนนี้จะมีส่วนช่วยในการผลิตโปรตีน และสร้างเอนไซม์ส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้มีการทำงานที่ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อจาก เชื้อรา เชื้อโรค ไวรัส รวมไปถึงแบคทีเรียต่าง ๆ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่เต็มที่ แน่นอนว่าเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย จึงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายโดยง่าย ผ่านทางเดินหายใจส่วนบน จนลงไปถึงส่วนล่างอย่างปอด มากไปกว่านั้น หากร่างกายของคุณได้รับเชื้อรา “ฮิสโตพลาสมา” ที่มาจากมูลของนกและค้างคาวแล้วล่ะก็ อาจมีความเป็นไปได้ว่า คุณสามารถเสี่ยงเป็น โรคฮิสโตพลาสโมซิส ซ้ำอีกโรคได้ อาการสำหรับ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา และ โรคฮิสโตพลาสโมซิส สังเกตได้จากสัญญาณเตือนต่าง ๆ ดังนี้ สัญญาณเตือนโรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา ได้แก่ มีไข้ เจ็บหน้าอกเมื่อหายใจ ต่อมน้ำเหลืองบวม น้ำมูกไหล ท้องร่วง อาเจียน และปากบวมแดง สัญญาณเตือนอาการสำหรับ […]


โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา

ทำความรู้จักกับ ; โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา (Granuloma Pneumonia)

โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา (Granuloma Pneumonia) เป็นโรคปอดที่อาจพบเจอได้ยาก เนื่องจากบางบุคคลมักไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เผยออกมา นับว่าเป็นโรคอีกหนึ่งโรคที่เราทุกคนควรเฝ้าระวัง ด้วยการทำความรู้จักกับ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา เอาไว้เบื้องต้น ที่ Hello คุณหมอ นำมาฝากทุกคนในวันนี้ คำจำกัดความโรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา (Granuloma Pneumonia) คืออะไร โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา คือ โรคที่อาจสืบทอดมาจากระบบภูมิคุ้มกันที่มีลักษณะผิดปกติจับตัวเป็นกลุ่มก้อนเซลล์ ส่วนใหญ่มักพบอยู่ภายในปอด ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเซลล์ที่จับตัวเป็นก้อน แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะจะไม่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งอย่างแน่นอน โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา สามารถพบบ่อยได้เพียงใด โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา มักพบได้บ่อยตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก แต่บางครั้งก็อาจวินิจฉัยเจอได้ช่วงระหว่างการเจริญเติบโต อาการอาการ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา ผู้ป่วยบางคนนั้นอาจไม่เผยอาการใด ๆ ของ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา นอกเสียจากว่า ได้ตรวจพบเจอระหว่างการตรวจสุขภาพประจำปี แต่ถึงอย่างไรก็คงยังมีผู้ป่วยบางกรณีที่เผชิญกับอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ไข้ขึ้น น้ำมูกไหลต่อเนื่อง รู้สึกผิวหนังมีการระคายเคือง ผื่นขึ้น บวมและแดง ปากบวม อาเจียน ท้องร่วง อุจจาระเป็นเลือด ปวดท้อง ต่อมน้ำเหลืองบวม อาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะตอนที่คุณกำลังหายใจเข้า หายใจออก สาเหตุสาเหตุ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม โดยปกติแล้ว ยีนเหล่านี้จะช่วยผลิตโปรตีนที่สร้างเอนไซม์ให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คอยปกป้องเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย แต่เมื่อใดที่ยีนเกิดกลายพันธุ์ผิดปกติต่างออกไป โปรตีนจะไม่ถูกผลิตขึ้น และไม่สามารถส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดีได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อสู่ปอด พัฒนาเป็นกลุ่มก้อนที่ทำลายปอดนั่นเอง ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยง โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้คุณเผชิญกับ โรคปอดอักเสบแบบแกรนูโลมา ได้ง่ายขึ้นกว่าคนทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่าง ๆ […]


โรคปอดบวม

สาเหตุของโรคปอดบวม ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน มีอะไรบ้าง

โรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ สามารถพบได้มากในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นทารก เด็กเล็ก รวมไปถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะ ปอดบวม เป็นสิ่งที่เราทุกคนคาดเดาไม่ได้ว่าวันใดเราจะต้องเผชิญกับมัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลถึง สาเหตุของโรคปอดบวม เบื้องต้นเอาไว้ให้ทุกคนในบทความนี้แล้ว สาเหตุของโรคปอดบวม มาจากอะไร สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ อาจมาจากเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัสในอากาศที่มักเข้าผ่านระบบทางเดินหายใจ เมื่อสูดอากาศเข้าไป จนสะสมอยู่ภายในถุงลมทำให้มีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นปอดบวม ปอดอักเสบ ได้นั่นเอง โดยเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยที่สุดนั้น มีดังนี้ แบคทีเรีย Streptococcus Pneumoniae สิ่งมีชีวิตคล้ายแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า Mycoplasma Pneumoniae เชื้อราในดิน และมูลสัตว์ ไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ที่สำคัญเชื้อไวรัสข้างต้นยังสามารถแพร่กระจายติดต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ ได้ จากการได้รับละอองน้ำลายที่ลอยฟุ้งอยู่บนอากาศ ผ่านการไอ จาม หากเมื่อใดที่คุณรับเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว กรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสชนิดรุนแรง ก็สามารถทำให้คุณเผชิญกับโรคปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ ได้ง่ายขึ้น และค่อนข้างเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างมาก สัญญาณเตือนที่ คุณรีบเข้าพบคุณหมอ อาการของโรคปอดบวมสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการรับเชื้อภายใน 24-48 […]


โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด

การรักษาโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ฟื้นฟูสุขภาพปอด ด้วยเทคนิคทางการแพทย์

สาเหตุที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ส่วนหนึ่งอาจมาจากผลข้างเคียงจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือการรับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดลิ่มเลือด แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปวันนี้ Hello คุณหมอ ได้นำเทคนิค การรักษาโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดซ้ำ มาฝากกัน อาการของ โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ที่ควรเร่งรักษา อาการทั่วไปของ โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด มักส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจในระดับเบา เช่น อาการหายใจถี่ เจ็บหน้าอก และไอแห้ง หรือไอแบบมีเสมหะ แต่เมื่อใดที่มีอาการรุนแรงกำเริบ สิ่งสำคัญที่คุณควรทำ คือ เร่งเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที เพราะหากชะล่าใจมากจนเกินไป อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ อาการรุนแรงของ โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด มีดังต่อไปนี้ หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นผิดปกติ อาการวิงเวียนศีรษะ เหงื่อออกมาก มีไข้ ปวดขาโดยเฉพาะช่วงน่องขา ที่เกิดลิ่มเลือด ขาบวม สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียว ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน ช็อก หมดสติ และถึงขั้นเสียชีวิต การวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ก่อนข้างวินิจฉัยได้ยากในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจ และโรคปอด แต่ถึงอย่างไรหากคุณมีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการไอเป็นเลือด อาจต้องเข้ารับการตรวจเช็กสุขภาพอย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโวยเทคนิคต่าง ๆ ดังนี้ การตรวจเลือด แพทย์อาจตรวจเลือดของคุณด้วยการหาค่า D-dimer และออกซิเจนในเลือด เอกซเรย์ทรวงอก เป็นการตรวจที่สามารถแสดงถึงภาพของหัวใจ และปอดบนแผ่นฟิล์ม ถึงแม้จะวินิจฉัย โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ไม่ได้มาก แต่อาจเผยให้เห็นถึงความผิดปกติบางอย่างที่เป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดลิ่มเลือดได้ อัลตราซาวด์ด้วยคลื่นเสียง (Duplex Ultrasonography) คือ เครื่องมือที่แพทย์จะนำอุปกรณ์เคลื่อนที่ไปมาบนผิวหนัง เพื่อให้คลื่นเสียงสะท้อนเป็นตัวแปรในการสร้างภาพเคลื่อนไหวออกมา โดยจะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างชัดกว่าเดิม ซีทีแสกน (CT […]


โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด

ปัจจัยเสี่ยงของโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ที่ควรรู้ เพื่อรับมือในการป้องกัน

โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอุดตันภายในหลอดเลือด ส่งผลให้ออกซิเจนไม่สามารถไปถึงภายในปอด ทั้งยังทำให้การไหลเวียนของเลือดเกิดความผิดปกติ ดังนั้น หากคุณได้ทราบถึง ปัจจัยเสี่ยงของโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ซึ่งโรคนี้อาจจะมีผลอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต คุณจะได้สังเกตตัวเองและพยายามหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยบทความนี้ของ Hello คุณหมอ ได้นำปัจจัยเสี่ยงของโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดมาฝากกัน สาเหตุของการเกิด โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด อาจเป็นผลมาจากสิ่งแปลกปลอมที่มีอนุภาคขนาดเล็กเข้าสู่กระแสเลือด รวมถึงผู้ป่วยที่มีการนอนพักฟื้นเป็นเวลานานหลังการผ่าตัด เพราะการที่คุณไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงจนเลือดสะสมก่อให้เกิดปฏิกิริยาทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน หรือลิ่มเลือดขึ้น ส่วนใหญ่ลิ่มเลือดที่พบได้มากจะเริ่มจากบริเวณหลอดเลือดดำส่วนแขนและขา แล้วค่อยเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด เรียกได้ว่า เป็นโรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะลิ่มเลือดจะขวางการไหลเวียนของเลือดไม่สามารถนำส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และปอดได้ ปัจจัยเสี่ยงของโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด มีอะไรบ้าง บุคคลที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น อาจมีแนวโน้มที่จะเป็น โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ได้ โดยเฉพาะช่วงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป อีกทั้งผู้ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับโรคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ก็สามารถเสี่ยงต่อการเป็นลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดได้เช่นเดียวกัน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด โรคลำไส้อักเสบบางชนิด โรคอ้วน อีกทั้งหากบุคคลใดที่กำลังรับประทานยาคุมกำเนิด รักษาโรคหัวใจด้วยการใส่สายสวน และเครื่องตุ้นหัวใจ พร้อมกับกำลังตั้งครรภ์ในช่วง 6 สัปดาห์ เป็นไปได้ว่าอาจส่งผลให้หลอดเลือดแดงมีขนาดที่แคบลง หรือหลอดเลือดได้รับความเสียหาย ที่เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดขึ้น แนวทางการป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด ควรเริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ดังนี้ เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้ลิ่มเลือดก่อตัวขึ้น การออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวเล็กน้อย อย่างที่ทราบกันดีเมื่อคุณอยู่กับที่เป็นเวลานานจนเกินไป อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี […]


โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง

ทำความรู้จักกับ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) กันเถอะ

หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง และแน่นอนว่าหากคุณไม่อยากให้ระบบทางเดินหายใจของตนเองพังลง การทราบถึงข้อมูล สาเหตุ อาการ การรักษา ไว้เบื้องต้น อาจช่วยให้คุณห่างไกล หรือรู้จักป้องกันตนเองจากหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ดีมากยิ่งขึ้น คำจำกัดความหลอดลมอักเสบเรื้อรัง คืออะไร หลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) คือ การอักเสบของท่อหายใจ หรือหลอดลม จนส่งผลกระตุ้นในการผลิตเสมหะปริมาณมาก และยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในระยะยาวอย่างน้อย 3 เดือน หรือนานกว่า 2 ปี ด้วยกัน อีกทั้งบางคนอาจเกิดการติดเชื้อลงปอดได้ด้วย หากยังมีอาการที่ไม่ดีขึ้น หากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรคลอดลมอักเสบเรื้อรัง สามารถพบบ่อยได้เพียงใด ส่วนใหญ่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง จะพบได้บ่อยในช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป พร้อมกับมีประวัติป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน อาการอาการ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการทั่วไปของ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ที่คุณสามารถสังเกตได้ง่าย มีดังนี้ อาการไอ และมีเสมหะ หายใจเสียงดังหืด ๆ แน่นหน้าอก หายใจถี่ โดยเฉพาะขณะที่คุณมีการใช้แรงกายหนัก เช่น การออกกำลังกาย รู้สึกเหนื่อยง่าย แต่สำหรับบางคนอาจมีอาการอื่น ๆ อย่าง อาการเจ็บคอ เมื่อยกล้ามเนื้อ ไข้ขึ้น เท้าบวม สีผิวเปลี่ยนสี และอาการปวดหัว ร่วมด้วย สาเหตุสาเหตุหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไม่ได้มาจากเชื้อไวรัส […]


โรคทางเดินหายใจ

สมุนไพรบำรุงปอด พืชพันธุ์พื้นบ้านใกล้ตัว ที่คุณสามารถหาได้ง่าย ๆ

เนื่องจากปอดเป็นอีกหนึ่งอวัยวะสำคัญภายในร่างกาย ที่ควรได้รับการดูแล ไม่ต่างจากอวัยวะอื่น ๆ ทั้งภายใน และภายนอก วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ จึงขอนำ สมุนไพรบำรุงปอด ใกล้ตัว ที่หาซื้อได้ง่าย ๆ มาฝากทุกคนให้ลองพิจารณา หรือเลือกบริโภค แต่แนะนำว่า ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานนะคะ ว่าแต่สมุนไพรบำรุงปอดที่ว่าจะมีอะไรบ้าง เราไปหาคำตอบกันเลยดีกว่าค่ะ ปอด มีความสำคัญอย่างไร ปอด เป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของร่างกาย มีหน้าที่ในการนำอากาศที่เราสูดเข้าไป แลกเปลี่ยนเป็นก๊าซออกซิเจนนำเข้าสู่กระแสเลือดให้ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปขณะที่เราหายใจออก นอกจากนี้ ปอดยังมีบทบาทการทำงานที่สำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เราอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน ได้แก่ คงความสมดุลของค่า pH หากตรวจปอดแล้วพบว่า ในร่างกายมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น หรือได้รับคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป ปอดจะเร่งทำหน้าที่เพิ่มการระบายอากาศ เพื่อขับก๊าซเหล่านี้ออกไปได้มากที่สุด ป้องกันการติดเชื้อ เยื่อหุ้มบางส่วนของปอดจะหลั่งอิมมูโนโกลบูลินเอ (IgA) ที่จะช่วยป้องกันให้ปอดห่างไกลจากการติดเชื้อบางชนิด เพิ่มปริมาณเลือด ปอดสามารถเปลี่ยนแปลงปริมาณของเลือดในช่วงที่คุณออกกำลังกายได้ โดยจะเพิ่มปริมาณเลือดได้ตั้งแต่ 500-1,000 มล. ที่สำคัญยังมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพหัวใจที่อาจทำให้ระบบการทำงานของหัวใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น สมุนไพรบำรุงปอด ใกล้ตัว มีอะไรบ้าง ก่อนการรับประทานสมุนไพรเพื่อบำรุงปอดเหล่านี้ คุณควรทำการศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย และเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เสียก่อน เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลให้คุณเกิดอาการแพ้ หรือปฏิกิริยารุนแรงได้ 1. กระเทียม ในกระเทียมมีสารประกอบจากธรรมชาติที่ชื่อว่า อัลลิซิน (Allicin) ที่มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่ากระเทียมนั้นสามารถต้านเชื้อไวรัสโดยการปิดกั้นไม่ให้เชื้อเข้าสู่เซลล์ […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม