ข้อบ่งใช้
ยา ฟีโนไฟเบรต ใช้สำหรับ
ยาฟีโนไฟเบรต (Fenofibrate) มักจะใช้ร่วมกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและไขมัน เช่น ไขมันแอลดีแอล (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) และเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ดี เช่น ไขมันเอชดีแอล (HDL) ภายในเลือด ยานี้ทำงานโดยการเพิ่มระดับของเอ็นไซม์ตามธรรมชาติที่จะช่วยย่อยสลายไขมันในเลือด ยาฟีโนไฟเบรตอยู่ในกลุ่มของยาไฟเบรต (fibrates) การลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ในผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูงอาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบ (pancreatitis) แต่ยาฟีโนไฟเบรตนั้นอาจจะไม่สามรถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้ โปรดปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ในการใช้ยาฟีโนไฟเบรต
นอกเหนือจากการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม เช่น อาหารที่มีคอเลสเตอรอลหรือไขมันต่ำ การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อื่นๆ อาจจะช่วยให้ยานี้ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งการออกกำลังกาย การลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักเกิน และการหยุดสูบบุหรี่ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
วิธีการใช้ยา ฟีโนไฟเบรต
รับประทานยานี้ตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละครั้ง ยาฟีโนไฟเบรตมาในรูปแบบยาแคปซูลและยาเม็ดประเภทต่างๆ ที่จะให้ขนาดยาที่แตกต่างกัน อย่าเปลี่ยนรูปแบบยาหรือยี่ห้อของยาเว้นเสียแต่แพทย์จะสั่งให้ทำเช่นนั้น ยาบางชนิดอาจควรรับประทานพร้อมกับอาหารในขณะที่บางชนิดอาจสามารถรับประทานพร้อมกับหรือปราศจากอาหารก็ได้ โปรดสอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับยาฟีโนไฟเบรตยี่ห้อที่คุณกำลังใช้ คุณควรจะให้ยาให้ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
หากคุณกำลังใช้ยาอื่นเพื่อลดระดับของคอเลสเตอรอล เช่น ยาไบล์แอซิดไบน์ดิ้งเรซิ่น (bile acid-binding resins) อย่าง ยาคอเลสไทรามีน (cholestyramine) หรือยาคอเลสทิพอล (colestipol) ควรรับประทานยาฟีโนไฟเบรตอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อน หรือ 4-6 ชั่วโมงหลังจากใช้ยาเหล่านี้ ยาเหล่านี้สามารถจับกับยาฟีโนไฟเบรตและทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างเต็มที่
ใช้ยาเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาบ่อยกว่าหรือนานกว่าที่กำหนด ระดับคอเลสเตอรอล/ไตรกลีเซอไรด์ของคุณจะไม่ลดลงเร็วขึ้น แต่ความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้น ควรใช้ยานี้ต่อไปแม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอล/ไตรกลีเซอไรด์สูงจะไม่รู้สึกป่วยใดๆ
คุณควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ในเรื่องของการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย อาจต้องใช้เวลานานกว่า 2 เดือนกว่าที่ยาจะแสดงผลอย่างเต็มที่
การเก็บรักษายาฟีโนไฟเบรต
ยาฟีโนไฟเบรตควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาฟีโนไฟเบรตบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาฟีโนไฟเบรตลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ฟีโนไฟเบรต
ก่อนใช้ยาฟีโนไฟเบรต แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือไฟเบรตอื่นๆ เช่นกรดฟีโนไฟบริค (fenofibric acid) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ (เช่นถั่วเหลือง) ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคไต โรคกระเพาะปัสสาวะ โรคตับ เช่นโรคตับแข็งทางเดินน้ำดี (biliary cirrhosis) หรือโรคตับอักเสบ (hepatitis) การดื่มสุรา
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ ไม่แนะนำการให้นมบุตรขณะใช้ยานี้เนื่องจากโอกาสในการเกิดความเสี่ยงต่อทารก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาฟีโนไฟเบรตจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ฟีโนไฟเบรต
ในนานๆ ครั้งยานี้อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับนิ่วและปัญหาเกี่ยวกับตับได้ หากคุณสังเกตเห็นอาการที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง เบื่ออาหาร ปวดท้อง ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ
ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่สภาวะที่รุนแรงมากกว่าภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (rhabdomyolysis) โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดอาการดังต่อไปนี้ กล้ามเนื้อมีอาการปวด กดเจ็บ หรืออ่อนแรง (โดยเฉพาะหากเป็นไข้หรือเหนื่อยล้าผิดปกติร่วมด้วย) สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง)
ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้ระดับของไขมันเอชดีแอลลดลงอย่างรุนแรง อาการนี้จะตรงข้ามกับสิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับระดับของไขมันเอชดีแอลของคุณ เรียกว่าปฏิกิริยาตรงข้ามกับฤทธิ์ของยา (paradoxical reaction) ควรทำการตรวจระดับของไขมันเอชดรแอลเป็นประจำและไปตามนัดตรวจของห้องแล็บทุกครั้ง
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงจากยานี้ เช่น มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย สัญญาณของการติดเชื้อ (เช่น เป็นไข้ เจ็บคอบ่อยครั้ง) เหนื่อยล้าิดปกติ
รับการรักษาในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังนี้ เจ็บหน้าอก มีอาการปวด รอยแดง หรือบวมอย่างกะทันหัน มักจะเกิดที่บริเวณขา
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาเจือจางเลือด เช่น ยาวาฟาริน (warfarin)
ยาฟีโนไฟเบรตนั้นคล้ายกันกรดฟีโนไฟบริคเป็นอย่างมาก อย่าใช้ยาที่มีส่วนผสมของกรดฟีโนไฟบริคขณะที่กำลังใช้ยานี้
ยาฟีโนไฟเบรต อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาฟีโนไฟเบรตอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาฟีโนไฟเบรตอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาฟีโนไฟเบรตสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia)
- ยาแคปซูล 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาแคปซูลผงละเอียด (Micronized Capsules) 90 -200 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาเม็ด 120-160 มก. รับประทานวันละครั้ง
คำแนะนำ
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหาร เพื่อลดระดับไขมันแอลดีแอลระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมด (Total-C) ระดับไตรกลีเซอไรด์ และระดับของอะโปไลโบโปรตีน บี (apolipoprotein B) และเพิ่มระดับของไขมันเอชดีแอลในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือโรคไขมันในเลือดสูงแบบผสม ประเภท IIa และ IIb ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน (Fredrickson)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง (Hyperlipoproteinemia) ชนิด IIa (ไขมันแอลดีแอลสูง)
- ยาแคปซูล 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาแคปซูลผงละเอียด 90-200 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาเม็ด 120-160 มก. รับประทานวันละครั้ง
คำแนะนำ
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อลดระดับไขมันแอลดีแอลระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมด ระดับไตรกลีเซอไรด์ และระดับของอะโปไลโบโปรตีน บี และเพิ่มระดับของไขมันเอชดีแอลในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือโรคไขมันในเลือดสูงแบบผสม ประเภท IIa และ IIb ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ชนิด IIb (ไขมันแอลดีแอลและวีแอลดีแอล [VLDL] สูง)
- ยาแคปซูล 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาแคปซูลผงละเอียด 90-200 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาเม็ด 120-160 มก. รับประทานวันละครั้ง
คำแนะนำ
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อลดระดับไขมันแอลดีแอลระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมด ระดับไตรกลีเซอไรด์ และระดับของอะโปไลโบโปรตีน บี และเพิ่มระดับของไขมันเอชดีแอลในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือโรคไขมันในเลือดสูงแบบผสม ประเภท IIa และ IIb ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- ยาแคปซูล 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาแคปซูลผงละเอียด 90-200 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาเม็ด 120-160 มก. รับประทานวันละครั้ง
คำแนะนำ
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อลดระดับไขมันแอลดีแอลระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมด ระดับไตรกลีเซอไรด์ และระดับของอะโปไลโบโปรตีน บี และเพิ่มระดับของไขมันเอชดีแอลในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงปฐมภูมิหรือโรคไขมันในเลือดสูงแบบผสม ประเภท IIa และ IIb ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ชนิด IV (ไขมันวีแอลดีแอล)
ยาแคปซูล
- ขนาดยาเริ่มต้น 50-150 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
ยาแคปซูลผงละเอียด
- ขนาดยาเริ่มต้น 30-200 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 90-200 มก. ต่อวัน
ยาเม็ด
- ขนาดยาเริ่มต้น 40-160 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 120-160 มก. ต่อวัน
คำแนะนำ
- ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละคนโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและควรปรับขนาดยาหากจำเป็น ตามผลการตรวจวัดระดับของลิพิดซ้ำๆ ทุกๆ 4-8 สัปดาห์
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงระดับรุนแรง ประเภท IV และ V ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไลโพโปรตีนในเลือดสูง ชนิด V (ไคโลไมครอน [Chylomicrons] + ไขมันวีแอลดีแอลสูง)
ยาแคปซูล
- ขนาดยาเริ่มต้น 50 ถึง 150 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
ยาแคปซูลผงละเอียด
- ขนาดยาเริ่มต้น 30 ถึง 200 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 90 ถึง 200 มก .ต่อวัน
ยาเม็ด
- ขนาดยาเริ่มต้น 40-160 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 120-160 มก. ต่อวัน
คำแนะนำ
- ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละคนโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและควรปรับขนาดยาหากจำเป็น ตามผลการตรวจวัดระดับของลิพิดซ้ำๆ ทุกๆ 4-8 สัปดาห์
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสริมกับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงระดับรุนแรง ประเภท IV และ V ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (Hypertriglyceridemia)
ยาแคปซูล
- ขนาดยาเริ่มต้น 50-150 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 150 มก. รับประทานวันละครั้ง
ยาแคปซูลผงละเอียด
- ขนาดยาเริ่มต้น 30-200 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 90-200 มก. ต่อวัน
ยาเม็ด
- ขนาดยาเริ่มต้น 40-160 มก. ต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด 120-160 มก. ต่อวัน
คำแนะนำ
- ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละคนโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและควรปรับขนาดยาหากจำเป็น ตามผลการตรวจวัดระดับของลิพิดซ้ำๆ ทุกๆ 4-8 สัปดาห์
- ควรระงับการรักษาในผู้ป่วยที่ไม่มีการตอบสนองที่เพียงพอหลังจากรักษาไปแล้ว 2 เดือน โดยใช้ขนาดที่แนะนำสูงสุด
- การใช้งาน เพื่อเสิรมกับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงระดับรุนแรง ประเภท IV และ V ตามเกณฑ์ของเฟร็ดริกสัน
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไตบกพร่องระดับเบาถึงปานกลาง
- ยาแคปซูล 50 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาแคปซูลผงละเอียด 30 ถึง 67 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ยาเม็ด 40 ถึง 54 มก. รับประทานวันละครั้ง ยาไตรไกลด์ (Triglide) ไม่แนะนำให้ใช้ยา
คำแนะนำ
- อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นหลังจากทำการประเมินผลต่อการทำงานของตับและระดับของลิพิดในขนาดยาเริ่มต้นที่เลือกไว้
- ไตบกพร่องระดับรุนแรง ห้ามใช้ยา
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
โรคตับที่มีอาการอยู่ (ทั้งโรคตับแข็งทางเดินน้ำดีปฐมภูมิและการทำงานของตับผิดปกติบ่อยครั้งอย่างหาสาเหตุไม่ได้) ห้ามใช้ยา
การปรับขนาดยา
ผู้สูงอายุ เนื่องจากมีโอกาสสูงกว่าที่จะเกิดอาการไตบกพร่องในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ควรเลือกขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับการทำงานของไต และควรเฝ้าระวังการทำงานของไตระหว่างการรักษา ควรเริ่มใช้ยาแคปซูลผงละเอียดโลไฟบรา (Lofibra) และจำกัดขนาดยาไว้ที่ 67 มก./วัน
การฟอกไต (Dialysis)
- ห้ามใช้ยา
คำแนะนำการใช้ยา
- สามารถรับประทานยาพร้อมกับอาหารเพื่อเพิ่มการดูดซึม
- กลืนยาแคปซูลและยาเม็ดลงไปทั้งเม็ด อย่าหัก แกะ บด ละลาย หรือเคี้ยวยา
- ใช้ยาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อน หรือ 4 ถึง 6 ชั่วโมงหลังจากยาไบน์แอซิดไบน์ดิ้งเรซิ่น
- การเก็บรักษายา
- เก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น
- ยาไตรไกลด์ เก็บไว้ในขวดยาเดิม
ทั่วไป
- ผู้ป่วยควรคาดหวังไว้กับการรับประทานอาหารเพื่อลดระดับของไขมันก่อนที่จะใช้ยานี้และควรรับประทานอาหารแบบนั้นต่อไปตลอดการรักษา
- ยานี้ไม่แสดงให้เห็นผลของการลดโอกาสในการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (coronary heart disease) และการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2
- ระดับของเซรั่มไตรกลีเซอไรด์ที่สูงอย่างเห็นได้ชัด (เช่นมากกว่า 2000 มก./เดซิลิตร) อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเพียงพอเกี่ยวกับผลของยาในการลดความเสี่ยงนี้
- ควรพยายามควบคุมระดับเซรั่มลิพิดโดยไม่ใช้ยาก่อนที่จะเริ่มต้นการรักษาโดยใช้ยา (เช่น การคุมอาหาร ออกกำลังกาย ควบคุมปัญหาทางการแพทย์ ลดขนาดยาที่อาจจะทำให้เกิดภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เป็นต้น)
การเฝ้าระวัง
- เลือด เฝ้าระวังจำนวนเม็ดเลือดแดงและจำนวนเม็ดเลือดขาวเป็นระยะๆ ในช่วง 12 เดือนแรกของการรักษา
- ตับ ประเมินค่าการทำงานของตับพื้นฐานและเป็นระยะๆ ตลอดการรักษา
- ระบบการเผาผลาญ วัดระดับของลิพิดและปรับขนาดยาตามนั้น
- ไต เฝ้าระวังการทำงานของไตในผู้ป่วยที่มีไตบกพร่องหรือผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวาย
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
- โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากกล้ามเนื้อมีอาการปวด กดเจ็บ หรืออ่อนแรง เริ่มมีอาการปวดท้อง หรือมีอาการใหม่ใดๆ
- โปรดปรึกษาแพทย์หากคุณตั้งครรภ์ มีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
ขนาดยาฟีโนไฟเบรตสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
- ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]